วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ค่ำคืนที่ฟ้าเต็มไปด้วยดาว Just sleep



แสงแดดอบอุ่นยามเช้า หอมละมุนกลิ่นอากาศ
คละคลุ้งหมอกจางๆ สายลมเย็นพัดผ่านมาอีกครั้ง
ฤดูกาลแห่งราตรีกาลที่แสนยาวนาน

ดึกมากแล้ว จะมีอยู่สักกี่คนที่เขายังคง"ตื่น"ลืมตาอยู่เหมือนฉันบ้าง?
ท้องฟ้ามืดมิดในคืนหนาวนี้ มันช่างเย้ายวน เชิญชวน จนไม่อาจละสายตาได้
แสงระยิบระยับเต็มท้องฟ้า มันแลดูไกล..ไกลซะจนฉันไม่สามารถคาดเดาระยะทางได้เลย

ร่างกายมิอาจต้านทานอากาศหนาวเหน็บภายนอกได้นานนัก
ถึงเวลาอันควร ที่ฉันจะปล่อยกายไปกับช่วงกาลแห่งการหลับไหล

ฉันค่อยๆซุกกายไปกับเจ้าสิ่งนี้ ขอเรียกว่า "เปลือก"
ถึงแม้ภายนอกมันดูเปราะบาง และง่ายต่อการแตกหัก
แต่มันก็สามารถห่อหุ้มร่างกาย และชีวิตฉันให้ยังคงมีอยู่เพื่อวันต่อไป

แต่ทุกสรรพสิ่งล้วนมีเวลาเสื่อมสลาย เก่าไป ใหม่มา
คงมีสักวันหนึ่งที่ฉันคงต้องเปลี่ยนมันใหม่
เพื่อให้เข้ากับฉัน เข้ากับสภาวะแวดล้อม เข้ากับโลกที่หมุนไปในทุกนาที

ชีวิตก็เหมือนกับ "เปลือก" ที่ภายในมันไม่ได้มีอะไรจริงๆมันคือความ "ว่างเปล่า"
เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งรอบข้างก็คอยมาแต่งแต้ม เติมสีสัน ทำให้เปลือกนั้นเปลี่ยนไปอยู่ทุกวัน

เรื่องโดย : zuperempty
ภาพประกอบโดย : cherishmoon

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฉันที่เกลียดวันเกิด, Hate my Birthday


เทศกาลที่บรรยากาศรอบข้างล้วนมีแต่ความสนุก ทุกคนหัวเราะเฮฮา
แต่กับมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่าเล็กน้อย เศร้าโศก และโดดเดี่ยว

และหากวันั้นเป็นวันเกิดฉัน ฉันกับรู้สึกเกลียดมันมาก และไม่อยากให้มีวันนี้เลย
เพียงเพราะความอ่อนแอที่มากมาย มันทำลายสิ่งปิดกั้นที่เรียกว่า กำแพงความทรงจำ
ออกมากัดกร่อนความรู้สึก ที่ข่มมันไว้มาเป็นเวลานาน

เหงา... เหงาเหลือเกิน อยากหนีไปให้ไกลๆ ทิ้งทุกสิ่งอย่างไว้เบื้องหลัง
น้ำตาที่ไหลอย่างล่องหน อาบแก้มทั้งสองข้าง แต่ไม่มีใครที่เห็น และไม่เคยเปิดเผยบอกใคร
ท้อ... และอยากถอย เพราะความรู้สึกที่โดดเดียว

หากเหมือนแสงส่องทาง เพื่อนได้เข้ามาปลดปล่อย ทำให้มันมีค่าและเกิดความหมาย
เพื่อนให้ความสำคัญ ที่ตรงข้ามกับเราที่สาปส่ง

เพื่อนละลายความเกลียดชังวันเกิดของฉันลงอย่างสิ้นซาก
ดึงฉันให้กลับมาจากความเหงาและโดดเดียว

แด่เพื่อนที่คอยช่วยเหลืออยู่ตลอดหากไม่ได้เพื่อนแล้ว ชีวิตก็ไม่รู้จะหักเหไปทางไหน
แด่เพื่อน(ที่เป็นรุ่นพี่ เป็นพี่) ที่คอยดูแลเหมือนฉันเป็นน้อง
แดเพื่อน(ที่เป้นรุ่นน้อง เป็นน้อง) ที่คอยใส่ใจถามถึงความเป็นอยู่

เรื่องและภาพโดย cherishmoon

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

MADIFESTO Media Arts and Design Festival 2009

เดือนนี้ขอนำเสนอเป็นงานนิทรรศการของนักศึกษาปริญญาโท Media Arts and Design และนี้เป็นคำตอบของการหายไปของงานเขียน Cherishmoon
เพราะเอาเวลาไปทำนิทรรศการครั้งนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ฝากนิทรรศการครั้งนี้ด้วยนะจ๊ะ

บรรยากาศในงานวันเปิดงาน madiFESTO จ๊ะ















MADIFESTO
Media Arts and Design Festival 2009
เทศกาลพิลึกลั่น แถลงการณ์สะท้านโลก อุบัติขึ้นแล้วด้วยศิลปการณ์พิเศษ ในประเทศที่เทคโนโลยีถูกใช้อย่างไร้สาระและ
ปัญหาสังคมในหลากมิติถูกบิดเบือน หลอกลวง ซ่อนเร้นอย่างไร้สาระพอๆ กัน ความไร้สาระเหล่านี้จะถูกนำเสนอโดย
ศิลปินและนักออกแบบเพื่อสร้างเป็นปฐมบทสำหรับนักปฏิวัติวัฒนธรรมสื่อศิลปะ ความคิดขบถ ความคิดแนว ความคิดวิ้ง
วิ้ง ทั้งซีเรียส และหน่อมแน้ม ทั้งมีประโยชน์ และไร้ประโยชน์ ทั้งมีตัวตนและไร้ตัวตน ทั้งน่าสนใจและทั้งน่ารังเกียจ จะถูก
สำแดงร่วมกันด้วยความรักและคิดถึงในหลากรูปแบบ ผา่ นศิลปะ งานออกแบบ และสื่อสารสนเทศ

นิทรรศการป่วยคลั่งจะแพร่ระบาดพร้อมกัน ในสองสถานที่กลางใจนครเชียงใหม่
มินิมอลแกลเลอรี ซอยนิมมานเหมินทร์ 13
ระหว่างวันที่ 1-5 ตุลาคม พ.ศ. 2552 | เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 11:00 น. ถึงเที่ยงคืน
มิวท์ มิวท์ สตูดิโอ ถ.ท่าแพ (ตรงข้ามวัดอุปคุต)
ระหว่างวันที่ 1-10 ตุลาคม พ.ศ. 2552 | เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 13:00น. ถึง 21:00น.
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 053 944 846 และ www.madfestival.org

MADIFESTO
Media Arts and Design Festival 2009
A grotesque festival and an eccentric manifesto will be introduced through a unique art scene in the
country where technologies are used senselessly; and social truths are canningly twisted, deceived,
and concealed. The non-sensencial will be revealed by artists and designers to create the prologue
for revolutionary media art based culturalists. The radical and H.I.P versus the murky-shiny-foolybrillian
ideas; the serious versus the absurd ideas; the beneficial versus the unfavorable ideas; the
visible versus the invisible ideas; and the stunning versus the disgusting ideas will be all
demonstrated with love, care and pondering about through arts, design, and information media.

The opening of MAD epidemic festival will take place
at two locations in the inner heart of Chiang Mai City
Minimal Gallery, Nimmanhemin soi 13
01-05 October 2009 | everday 11:00am till midnight
Mute Mute Studio, Tapae Rd. (opposite to Wat Uphakut)
01-10 October 2009 | every day 01:00pm - 09:00pm
For more information: +66 53 944846 or www.madfestival.org

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Product T-shirt

ขอหวัดดีทุกคนที่คอยติดตามนะจ๊ะ เดือนนี้คงต้องขอออกตัวก่อนเลยว่าไม่มีเวลานั่งวาด
น้องมูน (cherishmoon) เลยและก็ไม่ได้แต่งเรื่องอะไรด้วย เพราะงานที่เยอะแยะ
เรียนก็หนัก เลือดตาแทบจะกระเดน แต่ก็พอที่จะหาเวลามานั่งออกแบบลายเสื้อที่อยากทำมาตั้งนาน
แล้วจนสำเร็จ เป็นตัวเป็นต้นขึ้นมาได้จริงๆ ยังไงก็ต้องขอขอบคุณน้องสาวทั้งสอง (น้องมิ้นท์และน้องจิ๊บ)
ที่ช่วยมาทำให้เสื้อลายนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมา ยังไงเสื้อลายนี้ที่ทำออกมามีจำหน่ายใน www.cherishmoon.com
และก็มีจำนวนจำกัดอีกด้วย หากใครๆ ที่สนใจ ก็เข้าไปดูได้ที่เว็บไซด์นะจ๊า ^^

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สายฝนกับความเกลียดชัง... Negative of abominate

ต้องขอโทษทุกท่านจริงๆ ที่เดือนนี้อัพเรื่องช้ามาก เนื่องด้วยภารกิจด้านการเรียน
การงาน กิจกรรมต่างๆ และตัว Project Website cherishmoon.com
ที่กำลังเป็นก่อตัวเป็นเป็นตน เรื่องในเดือนนี้จึงต้องรบกวนน้องสาวผู้น่ารัก
ช่วยร้อยเรียงเรื่องในเดือนนี้ ลองชิมดูนะจ๊ะ ^^ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม


ฉันเป็น Cherishmoon ที่เกิดในหน้าหนาวและเคยชินกับความสวย
ของหน้าหนาว ดังนั้นเมื่อยามสายฝนโปรยปรายลงมา แม้มันจะ
ทำให้รอบข้างฉันชุ่มช่ำเพียงใดแต่ฉันก็ไม่มีความรู้สึกว่าชอบมัน
เลยสักครั้ง เพราะบางครั้งฉันรู้สึกว่าสายฝนเป็นตัวกักอิสรภาพ
ไม่ให้ฉันไปไหนยามเมื่อมันเทลงมาจากฟ้า มันทั้งเฉอะแฉะ
และทำให้ฉันเปียกปอน......

แต่ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามธรรมชาติ เมื่อฉันต้องอยู่บนโลกใบนี้
ฉันก็ต้องเจอฝน และเมื่อนานเข้าหลายๆปี ฉันจึงเริ่มคิดว่าจะอยู่อย่างไร
กับเจ้าสายฝนที่ฉันเกลียดชังนี้อย่างไรดี แน่นอนสิ่งแรกที่ฉันทำคือ
การมองหาข้อดีของสายฝนให้ได้ แล้วฉันก็พบข้อดีของสายฝน
ที่ฉันเกลียดชัง...

สายฝนทำให้ฉันต้องเรียนรู้คำว่ารอ ....เพราะยามใดเมื่อฝนตกมันเป็น
การฝึกความอดทนให้ฉันอยู่กับที่ แล้วหลังฝนตกก็ทำฉันพบว่าเมื่อฉัน
ก้าวเดินออกไปข้างหน้าหลังฝนตกท้องฟ้าช่างสวยงามจริงๆ

สายฝนทำให้ฉันเจอสีเขียว เพราะฉันเองก็เป็นพวกธรรมชาตินิยมที่ชอบ
เห็นสีเขียวที่ทำให้เกิดความชื่นใจ แล้วหากไม่มีสายฝน สีเขียวที่ฉัน
อยากเห็นมันจะมีได้ไง ??....แม้หน้าหนาวจะสวยเพียงไรมันคงสร้างได้
เพียงแค่สีน้ำตาลเท่านั้นแล้ว ซึ่งมันก็คงหดหู่น่าดู

สายฝนทำให้โรคนอนไม่หลับของฉันหายไป...เพราะเมื่อคราใดที่
สายฝนโปรยปรายลงมา ให้ตายเถอะน่าฉันไม่อยากตื่นเลย....

สายฝนทำให้ฉันเจอกับใครบางคน โดยเฉพาะเธอ Cherishmoon
หากวันนี้ฝนไม่ตกฉันคงไม่ได้มานั่งแล้วได้เจอเธอบนโลกใบนี้
แล้วก็คงไม่เจอคนที่เขาขอให้ฉันเป็น Cherishmoon ในฉบับ
สายฝน...ที่น่ารัก

แค่นี้คงพอสำหรับการหาข้อดีของบางอย่างที่ฉันเกลียด ตอนนี้ฉัน
ภาวนาให้ผ่านหน้าฝนไปเร็วๆ และหวังว่าตอนนั้นฉันจะได้เป็น
Cherishmoon ในหน้าหนาวอีกครั้ง

ขอบคุณสำหรับความน่ารักและสิ่งดีๆในหน้าฝนที่ทำให้เราพบกัน...

เรื่องโดย
almond mint
ภาพประกอบโดย
cherishmoon

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เหตุของรอยยิ้ม Because of the smile



เธออมยิ้มอย่างมีความสุข นั้นเพราะอะไร (เธอไม่บอก)
ฉันได้แต่คบคิดว่าอะไร ที่ทำให้เธอมีความสุขได้เช่นนี้ (เธออมยิ้ม)

อาจเป็นเพราะเมื่อคืนเธอนอนฝันดี
อาจเป็นเพราะเมื่อเช้า เธอตื่นมารับอากาศสดใส
อาจเป็นเพราะกลิ่นกาแฟหอมพร้อมพายเลมอนแสนอร่อย ของโปรดของเธอ
อาจเป็นเพราะดอกไม้ที่เธอปลูกไว้ นั้นเริ่มออกดอกสีสันสวยงาม
อาจเป็นเพราะฝนพร่ำในยามบ่ายที่ทำให้เธอคลายร้อน
อาจเป็นเพราะเธอเห็นสายรุ่ง ที่มาพร้อมความสดใสของท้องฟ้าหลังฝน
อาจเป็นเพราะเธอกำลังนึกถึง อาหารโปรดมื้อเย็น
อาจเป็นเพราะอะไรต่างๆ นานา ที่เกินคาดเดาได้

ไม่ว่าเหตุผลร้อยแปดใดๆ ที่ทำให้เธออมยิ้มอย่างมีความสุขเช่นนี้ได้
ฉันก็ไม่สนใจอีกแล้วกับเหตุผลต่างๆ นานาเหล่านั้น เพราะแค่รอยยิ้มนั้น
จากเธอ ฉันก็มีความสุขที่ได้เห็นเสมอ ฉันจึงยิ้ม

เธอก็ยิ้ม แต่เธอไม่บอก...

เรื่องบางเรื่อง หากไม่จำเป็นต้องเอ่ยถ้อยคำ แต่ก็เข้าใจและสัมผัสได้
มันเป็นสิ่งที่ใจสองใจสื่อถึงกันได้อย่างอัจศจรรย์

เรื่องโดย cherishmoon
ภาพประกอบโดย cherishmoon

She smilingly with happiness. Is why (she does not tell).
But what I plot. That she was happy as this (she smilingly)

Because last night she could sleep good dream
May be because the early wake up receive air she promising.
It may be fragrant smell of coffee with pie Elmon very appetizing Her favorite.
May be because she planted flowers. Start a beautiful flower, the colors.
Rain may continue because the guards that she unreel hot afternoon.
Because she could see the city line. With the brightness of the sky after rain.
Perhaps because she is well. Please dinner food.
What may be varied because the guessing is over.

Not that any of a variety reasons. That she smilingly happy with this.
I do not care for another reason then. Many of them. It just smiles.
From me she is happy to see so I always smile.

She is smiling, but she does not tell ...

Some matters. If you do not need to speak a word. However, understanding and experience.
It's something to between media has paid a professor magical

Story by cherishmoon.
Illustrations by cherishmoon.

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ดาวน้อย ไร้แรงใจ

คงต้องขออภัยท่านที่รออ่านเรื่องราวของ cherishmoon นะครับ
เพราะต้องทำหน้าที่ลูกชายในศาสนาพุทธ ด้วยการบวชคืนคุณบิดามารดา
ประกอบกับเจอเรื่องด้านจิตใจอย่างมาก เรื่องในเดือนนี้จึงค่อนข้างเศร้า
เพราะมันมาจากความรู้สึกเศร้าจริงๆ ในตอนนั้น ขอบคุณทุกท่านที่ติชมมา ณ ที่นี้


ฉันเคยเป็นดาวดวงหนึ่ง ที่ส่องแสงสกาวบนท่องนภา
แสงจากตัวฉัน ฉันคิดเสมอว่า มันไม่เคยด้อยกว่าใครในท้องนภานี้
พลังอันอบอุ่นจากแสงของฉัน
มันทำให้สิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวฉัน เริงร่า และมีความสุข
และฉันก็มีความสุขเสมอเหมือนสิ่งรอบๆ ตัวบนท้องฟ้านี้

ฉันโคจรล่องลอยในท้องนภา จนมาพบแรงดึงดูด
อันที่ผิดแปลกไปจากที่เคยเจอะเจอ
แรงดึงดูดนั้นมาจากดวงพระจันทร์แสงเหลืองนวล และอบอุ่น
หากดวงพระจันทร์สวยงามยามค่ำคืน และผ่องใสเวลากลางวันที่ไร้เมฆ
ด้วยแรงดึงดูดนั้น ฉันโคจรรอบๆ ดวงพระจันทร์ และดวงพระจันทร์ก็โคจรรอบๆ
ตัวฉันหากเวลาทุกวินาที หากเวลาทุกนาที หากเวลาทุกชั่วโมง
และหากเวลาทุกวันที่อยู่ใกล้ๆนั้น
มันยิ่งทำให้ฉันมีแสงที่ส่องสกาวนวลผ่องมากขึ้นเรื่อยๆ

นั่นหรือเป็นเพราะ "ความสุข" ...

แต่ที่ใครๆ หลายคนเคยพูดไว้ว่า "ความสุข" มันมักผ่านไปรวดเร็วเสมอ
ด้วยอะไรบางอย่างที่ทำให้แรงดึงดูด
ของฉันและดวงพระจันทร์ เริ่มอ่อนแรง
ดวงพระจันทร์ดูเปลี่ยนไป แสงนวลสวยเริ่มอ่อนลง
หรือจะเป็นฉันที่เริ่มห่างไกลออกไป
ฉันเริ่มรู้สึกตัวว่าไกลออกมาจากดวงพระจันทร์
และดวงพระจันทร์จากที่ฉันมองค่อยเริ่มเล็กลงๆ
ฉันพยายามเร่งแรงดึงดูดของฉันอย่างสุดกำลัง
เพื่อให้ได้อยู่ในวงโคจรของดวงพระจันทร์
แต่กระนั้นฉันก็รู้ตัวช้าไปเสียแล้ว
และมันก็ไกลเกินกำลังของฉันฉันกำลังหมดแรง ฉันหมดกำลังใจ
แสงสว่างที่เคยสุขสกาวก็เริ่มค่อยๆ มอดและหริบหรี่ลง
ไม่นานนัก กำลัง แรงใจ ของฉันก็ค่อยๆ หมดลง
ฉันคอยๆ ลอยล่วงลงสู่พื้น...พสุธา

ยามที่รู้สึกตัว ฉันค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ
และก็รู้สึกได้ว่าตัวเองนั้น จมอยู่ในหลุมเล็กๆ
พอดีตัวหากเพียงแต่หลุมเล็กๆนั้น ฉันในตอนนี้ก็ยังไม่มีเรี่ยวแรง
แม้จะกลิ้งให้โผล่พ้นออกมาฉันกำลังหมดแรงใจในทุกๆอย่าง
เปลือกตาฉันกำลังจะปิดลง หากเปลือกตาฉันปิดลงในคราวนี้...
ฉันก็ไม่มีโอกาสได้เปิดมันอีกเป็นครั้งที่สองหากเป็นเช่นนั้น
ฉันก็จะกลายเป็นเพียงก้อนหินก้อนหนึ่งบนผืนพสุธา

ฉันคิดถึงท้องฟ้าเหลือเกิน และฉันก็คิดถึงดวงพระจันทร์...ดวงนั้น เหลือเกิน

writer by cherishmoon

proofread by amornrat

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552

เพื่อนของข้าพเจ้าและเชอริสมูน

อีเมล์จากเพื่อนคนหนึ่งที่เคยพบปะกับ cherishmoon และพูดคุยกันในเรื่องต่างๆ
เค้าเป็นคนที่ค่อนข้างเห็นการเติมโตของ cherishmoon มาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
หลังจากอ่านข้อความที่ส่งมา เลยตัดสินใจนำเนื้อหาในอีเมล์มานำเสนอ นั้นคืออีก
แง่มุมหนึ่งของ ผู้ที่มอง cherishmoon เลยนำเอาภาพ cherishmoon ภาพแรก
มาประกอบกับบทความนี้



ก่อนจะเลยข้ามเที่ยงคืนของชีวิตและวันใหม่ ข้าำพเจ้าแลมองเหล้าปลายขวด
มันนอนกลิ้งปนอยู่กับน้ำแข็งในแก้วอำพัน และไม่รีรอ ก่อนยกกรอกปาก
ร้อนวาบในคอทุกข์ทนแต่ชื่นใจ

ชื่นใจ - ในความหมายว่าโลกนั้นเปลี่ยนสี ในความหมายว่าท่วงทำนองเพลงในหัวใจมันเต้นระบำ
ชื่นใจ - ในกลาง คืนและยำพร่าเนื้อรสชาดฝืดเปรี้ยว

"มึงเริ่มพรุ่งนี้เลย" เพื่อนข้าพเจ้าคนหนึ่งว่า
"เลยพรุ่งนี้ไป แล้วจะสาย"ข้าพเจ้าเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงการเริ่มเขียนหนังสือ(อีกหน)ของข้าพเจ้า
หลังจากไม่ได้จับปากกามาเกือบสองปีนัยตาเพื่อนมันดูมุ่งมั่น
แม้จะไม่ได้จ้องมองนัยตาข้าพเจ้านานเกินครึ่งของครึ่งนาที

ข้าพเจ้านึกถึงสิ่งที่มันทำ - โปสการ์ด - เชอริสมูน
(หญิงอ้วนอารมร์ดีที่เพื่อนข้าำพเจ้าสร้างขึ้นมาและกำลังหาโลกใบใหม่ให้หล่อนได้อาศัยอยู่)

ข้าพเจ้าไม่คิดพูดอะไรในจังหวะนั้น
"กูหาโลกให้หล่อนอยู่ทุกวัน" เขาหมายถึงเชอริสมูน
"วันนึงกูจะชวนหล่อนมาอยู่กับเรา บนโลกใบนี้ตอนนี้หล่อนท่องเที่ยวอยู่ในโลกตาข่ายไร้สาย"

"มีคนคบหารู้จักหล่อนบ้างมั๊ย?" ข้าพเจ้าถาม
"มีซิ หล่อนชอบรู้จักคนเยอะๆ และคอยส่งยิ้มด้วยใบหน้าอ้วนๆให้พวกเขาผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์"

"มึงไม่หวงหล่อนรึ? สร้างมากับมือเชียวนา" ข้าพเจ้าถามอีก
เพื่อนข้าพเจ้าพ่นควันบุหรี่ส่ายไปมา"หวง.. แต่หล่อนเิดินบนอากาศ"

"มึงหมายความว่าหล่อนไม่เิดินบนดิน?"
"อืม.. หล่อนไม่ใช่มนุษย์อย่างเราๆนี่หว่า"เพื่อนข้าพเจ้าพ่นควันออกมาอีกรอบก่อนมองหน้าข้าำพเจ้า

"ต้องเริ่มพรุ่งนี้เลย บางทีมึงอาจเข้าใจว่าการหวงสิ่งที่เดินบนดินแตกต่างอย่างไรกับการหวงสิ่งที่เดินบนอากาศ"

ข้าพเจ้านิ่งเพียงครู่ บางทีตัวหนังสืออาจเดินบนอากาศ
เช่นเดียวกับหญิงอ้วนเชอริสมูนหรือตัวหนังสืออาจจะเดินบนกระดาษ หรืออาจเดินหน้าจอคอมพ์ ?

"แล้วมึงจะแน่ในได้อย่างไรว่ามึงเป็นมนุษย์ที่เดินเล่นอยู่บนดิน?"
เพื่อนข้าพเจ้าถามเหมือนรู้ความคิดข้าพเจ้า

"กูคงไม่รู้" ข้าพเจ้าว่า "แต่กูแน่ใจว่าวันนึงมึงต้องเดินบนอากาศไปกับเชอริสมูน"

"และมันก็ไม่แน่ว่าวันนึงกูก็อาจเห็นมึงเดินบนกระดาษกับใครบางคน
อาจเป็นตาแก่ผู้ทุกข์ทน แม่บ้านผู้กดดันและเปลี่ยวเหงาวัยรุ่นหลงผิด
เจ้าหญิงใต้แสงจันทร์หรือกระต่ายน้อยจอมตื่นตูม"

"ขอบใจ มึงช่ีวยเปิดหูเปิดตากู และกูยกย่องมึงเป็นผู้จุดคบไฟในปะทุในหัวใจเฉื่อยชาของกู"

"แล้วเืชื้อไฟมึงมอดไปหรือยังล่ะ?" เพื่อนข้าพเจ้าจุดบุหรี่อีกรอบ
ข้าพเจ้านึกกระหายควันบ้าง จึงคีบบุหรี่ใส่มือหนึ่งมวน

"มา...." เพื่อนข้าพเจ้าจุดไฟพร้อมป้องมือมาใกล้ๆใบหน้าของข้าพเจ้า

"ไม่ต้อง.... กูจุดเอง"ข้าพเจ้ารับไฟมาจุดเอง ก่อนละเลียดควันบุหรี่มวนแรกของวันใหม่
ผ่านพ้นเที่ยงคืนไปพร้อมกับเพื่อนของข้าพเจ้าและเชอริสมูนของเขา

เรื่องโดย ปรัชญา บนดิน adrumer_24@hotmail.com
ภาพประกอบโดย Cherishmoon

วันอังคารที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2552

จรวดกระดาษ



สายลมเป็นใจ...
ความกดอากาศกำลังเหมาะ...
จิตใจล่ะ... “เข้มแข็งมั้ย”

แน่นอน ฉันในฐานะนักบิน ฉันจะต้องโบยบินอย่างสง่างามฉันบรรจง
ละเมียดทุกกลเม็ด ในการพับจรวดของฉัน
เพื่อสมดุลที่เท่าเทียมทั้งซ้ายขวาและหน้าหลังสมาธิฉันแน่วแน่
ทุกนิ้วที่กดรีดในรอยพับ

จรวดกระดาษที่สมบูรณ์ในทุกจุด
หากล่อนอย่างอ่อนไหวตามน้ำหนักและสายลม
จรวดที่ตั้งใจพับโดยใส่เทคนิคที่คิดว่าแจ๋วกว่าใครในโลกนี้

ถูกบรรจงส่งแรงเหวี่ยงที่นุ่มนวล ท่วงท่าในล่องลอย
ร่ายส่ายลม เชไปซ้ายที เชไปขวาที แล้วก็ค่อยๆ ถลาลงอย่างนุ่มนวล

อืมอย่างน้อยฉันก็เคยได้บินด้วยตัวเอง

เรื่องและภาพประกอบโดย cherishmoon

วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ก้อนหินบนผืนทราย


หาก ก้อนหิน คือทรายก้อนใหญ่ ส่วน ทราย คือก้อนหินก้อนเล็ก

และเรื่องเล็กๆรวมกันกลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วเรื่องใหญ่ประกอบด้วยเรื่องเล็กๆ มากมาย

บางที่ ฉันรักเธอ เธอไม่รักฉัน ฉันไม่ว่า และบางครา เธอรักฉัน
ฉันทำเฉยเธออย่าโกรธหากวันไหนเบื่อกันก็แยกกันเดิน เดินให้รู้สึกเหงาแล้วกลับมา
กลับมาเจอกันที่จุดเดิมของเราเธอยังไม่มาฉันก็จะรอ
และหากฉันยังไม่มา เธอก็อย่าพึ่งเดินหนีไป
ฉะนั้นบางครั้ง ฉัน ก็เป็นก้อนหิน ส่วนเธอเป็นทราย และบางคราวฉันเป็นทราย

ส่วนเธอเป็นก้อนหินและไม่ว่าก้อนหิน หรือเม็ดทราย เราสองคนก็เหมือนกันในความต่างกันของสถานการณ์...


อุทิศแด่ความรัก วันที่ 14 กุมภาพันธ์

เรื่องและภาพประกอบโด cherishmoon

วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2552

สิ่งใดที่สำคัญ


จินตนาการมองทุกสิ่งสวยงาม คล้ายกับมุมมองของความฝัน
แต่ทั้งสองไม่ใช่ฝาแฝดกัน จึงมีเรื่องถกเถียงกันว่า ใครสำคัญกว่า

จินตนาการว่า ตนสำคัญเพราะเป็นส่วนเล็กๆ ที่อาจนำไปสู่ปัญญา ซึ่งแสดงความสูงส่งของมนุษย์

ความฝันไม่ยอมแพ้ บอกในวินาทีต่อมาว่ามนุษย์ต้องการตน เพื่อเป็นแรงใจไปสู่จุดหมาย

ความหวังนั่งมองทั้งสองโต้เถียงกันอยู่ โดยไม่คิดโต้ตอบ

ทำให้ทั้งจินตนาการและความฝันต่างสงสัยว่า ทำไมความหวังจึงไม่คิดว่าตนเองสำคัญบ้าง

ความหวังจึงยิ้มแล้วกล่าวว่า ตนไม่สำคัญอะไรเลย ตนเป็นแค่ความว่างเปล่าที่อัดอยู่แน่นภายในใจมนุษย์
หากใครมีความฝัน ก็จะมีจินตนาการ และจะได้พบกับตน
ใครที่มีจินตนาการ ก็จะมีภาพฝัน และมีตนด้วยเช่นกัน


ความหวังมองไปเบื้องหน้า กล่าวว่า ตนจะไม่มีค่าอะไร หากไม่มีจินตนาการและความฝันร่วมทางไปด้วยกัน

ทั้งจินตนาการและความฝันจึงเข้าใจว่า บนเส้นทางไปสู่จุดหมายนั้น ไม่มีใครสำคัญกว่าใคร
และเมื่อเปิดตามองออกไปจึงเห็นว่า ยังมีสิ่งอื่นๆ มากมาย รอให้ทั้งสามมาเดินร่วมทาง


เรื่อง : Pandalover
ภาพประกอบ : cherishmoon