วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ทะเล อิสระ และ ขอบเขต : Real Freedom

ฉันพุ่งกระโจนลงทะเล และดำดิ่งลงสู้ก้นทะเล

ที่ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆ ณ เวลานี้รอบตัวฉัน

ทุกอย่างมืดมิด ฉันลอยอยู่ใจกลางทะเลลึก
ความคิดที่ฟุ้งซ่านเริ่มหยุดนิ่ง

ความเหน็บหนาวที่รับรู้จากน้ำทะเลค่อยๆ จางหาย
ล่องลอย ไร้การควบคุม ปล่อยใจ ปล่อยกาย

ตามธรรมชาติของทะเล


ร่างกายที่เสมือนไร้วิญญาณ ก็โผล่ขึ้นบนผิวน้ำทะเล
ฉันลอยนิ่งมองดูดวงดาวบนท้องฟ้า

ยามค่ำคืนที่สว่างไสวของดวงดาวนับล้านๆ

ทุกดวงต่างจ้องมองดูสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ชีวิตหนึ่ง

อย่างน่าขบขัน คงต่างพากันนินทากับการกระทำฉัน

เพราะฉันสังเกตุเห็นแสงกระพิบที่ดวงดาว

แต่ละดวงกระพิบส่งหากัน มันไม่ต่างอะไรกับรหัสมอส

ที่เราเคยใช้ในโลกใบนี้


และแล้วร่างของฉันก็จมดิ่งลงสู้ก้นบึ้งของทะเล
ฉันดีใจที่มันเป็นเช่นนั้น…ชีวิตก็แค่นี้
เลือกเกิดไม่ได้ แต่ฉันเลือกที่จะตายได้
มีความสุขจัง ชีวิตเล็กๆของฉัน


.....................................................................
เป็นบทความที่เกิดจากความท้อแท้ในชีวิต เมื่อหลายปีก่อน
ความสับสน สภาพสังคมที่ไม่มีอะไรแน่นอน
ชีวิตไร้จุดมุ่งหมาย จนเสียวหนึ่งอยากจะหายไปจากโลกนี้
มุมมองอีกด้านหนึ่งต่อสิ่งที่ใครๆ เรียกว่า "รัก"

เรื่องและภาพประกอบ: cherishmoon

วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

คำนึง ณ ร้านชายชบา


สายฝนพร่ำที่หลั่งหลินลงบนพื้นถนน น้ำฝนที่เจิ่งนองเป็นย่อมๆ

แสงไฟสลัวที่ส่องแสงออกมาจากร้านค้าที่เรียงรายภายในซอย

ซอยเล็กๆนี้เองที่เป็นส่วนเติมเต็มให้กับชีวิตนักศึกษาบางส่วนในมหาวิทยาลัย

ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีฉันอยู่ด้วย


ขณะที่ฉันนั่งอยู่ในร้านกาแฟ ร้านชายชบา โดยผู้คนรอบๆ

ข้างต่างก็พากันดำเนินกิจกรรมกันอยู่ บรรยากาศที่สับสนวุ่นวาย

ฉันค่อยๆ ลี่เสียงเหล่านั้นลง เพื่อจะเข้าสู่โลกส่วนตัวด้วยกลิ่นกาแฟหอมๆ

ที่โพยพุ่งออกมาจากแก้วกาแฟโบราณ ควันที่โชยขึ้นแสดงถึงอุณหภูมิภายในแก้ว

เสียงเพลง jazz ที่คลอมาตามสายลมที่แผ่วเบา อากาศเย็นๆ ชื่นๆ

จากฝนที่ตกลงมาพร่ำๆ ตรึงความคิดและจินตนาการของฉันให้หยุด

บรรยากาศตรงนี้ ฉันนั่งอยู่ด้านหลังร้าน มองเหมอออกไปอย่างไร้จุดหมาย

แล้วฉันก็เริ่มปลดปล่อยความคิดและจินตนาการให้ล่องลอยอย่างอิสระ

ไม่นานนักภาพความทรงจำก็ได้ผุดออกมาเป็นระยะๆ

จากความคิดและจินตนาการ มิตรภาพระหว่างเพื่อน

มิตรภาพระหว่างพี่น้อง เกิดขึ้นที่นี้บ่อยครั้ง บ้างก็สุข บ้างก็เศร้า ปะปนกันไป

นึกถึงก็ทำให้ฉันอดยิ้มเสียไม่ได้


ฮืม.. กาแฟรสชาติดีจังวันนี้ ฉันพูดกับตัวเองเบาๆ


สายฝนเริ่มที่จะโปรยปรายหนักขึ้นทุกที ทำให้บรรยากาศที่เคยวุ่นวายนั้น

กลับค่อยๆเงียบลงจนได้ยินเสียงเพลงปนเสียงสายฝน

เสียงสายฝนที่ตกลงกระทบหลังคาสังกะสีเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง

โต๊ะหน้าร้านที่ถูกสายฝนสาดจนละอองน้ำรวมตัวกันเป็นหยดน้ำเล็กๆ

ต้นโมกดูสดใสและส่งกลิ่นหอมคลุกเคล้ากับกลิ่นไอดิน

ชั่งเป็นกลิ่นที่แปลกแต่ก็ลงตัวอย่างน่าฉงน

ยิ่งมองดูบรรยากาศรอบๆตัวแล้ว ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเหงาจับใจ

ฉันนั่งอยู่ที่ร้านนั้นอย่างคนไร้ที่ไป นั่งมองผู้คนที่เดินหลบสายฝน

บางคนก็ยืนมองสายฝนด้วยอาการรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ

รอการหยุดของสายฝน แต่ในใจของผู้คนเหล่านั้น กำลังคิดอะไรอยู่

นั้นเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดาได้เลย

ตอนนี้ผู้คนในร้านชายชบาที่บางตานั้นเป็นภาพที่ลงตัวในองค์ประกอบ

ต่างคนต่างมีกิจกรรมทำที่แตกต่างกัน แต่ล้วนอยู่ในสถานะที่เหมือนกันคือ

ทุกคนต่างชื่นชอบกาแฟเช่นเดียวกัน อย่างน้อยในโลกใบใหญ่นี้

ก็ยังดีที่ยังมีพื้นที่เล็กๆ ให้กับกลุ่มคนน้อยๆ

ได้มารวมตัวกันทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ

สายฝนที่ตกลงมาหนักขึ้นทุกทีๆ จนกลบเสียงเพลง jazz

ที่คลออย่างแผ่วเบาหายไปกับเสียงสายฝนกระทบหลังคาสังกะสี

บรรยากาศนี้มันชั่งเป็นมีดที่กำลังกีดลงบนหัวใจฉันอย่างช้าๆ และทารุณ

ดั่งประโยคกินใจจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ว่า


"แผลที่ใหญ่ที่สุดในหัวใจคือ การมีตัวตนอยู่ ประโยคที่ออกมาจากใจ

กับการดำรงอยู่ของชีวิตแต่ละวัน ยิ่งบาดซ้ำรอยแผลให้ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น

ความเจ็บปวดรวดร้าว หัวใจที่ถูกบีบให้สลายครั้งแล้วครั้งเล่า

เสียงตะโกนกู่ก้องร้องออกมาว่า

พอแล้ว! พอแล้ว! ฉันไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว"


ข้อความนี้กลายมาเป็นสิ่งตอกย้ำความทรงจำอันแสนปวดร้าวและบาดลึกลง

ไปในเนื้อเยื้อชั้นล่างสุดของหัวใจที่เหี่ยวแห้ง

แล้วชีวิตที่ไร้สิ่งจูงใจจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไรกัน

แต่ฉันก็ยังคงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อสิ่งที่เรียกว่า ความฝัน

ที่ยังเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจที่เหี่ยวแห้งของฉันอยู่และขับเคลื่อนหัวใจ

ร่างกายให้ดำเนินต่อไปในชีวิตประจำวัน


เรื่องและภาพ โดย cherishmoon


เป็นบทความที่เขียนไว้เมื่อหลายปีมาแล้ว

เพื่อระลึกถึงสถานที่ที่มีคุณค่าทางจิตใจ

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

REVIEW madiFESTO ตอน PUSH
























จากนิทรรศการเทศกาลพิลึกลั่น แถลงการณ์สะท้านโลก
ของเหล่านักศึกษา Media arts and Design
ที่จัด ณ หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ในวันที่ 5-6 ตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา เลยนำภาพ
บรรยากาศภายในงานนิทรรศการครั้งนี้มาฝากกัน

ภาพ :
Zenan Penn, Shift Click, Fleeb Nick,
Jade Chm, Khan DarthVader, Di Albrand

วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

MADifesto : PUSH



เทศกาลพิลึกลั่น แถลงการณ์สะท้านโลก อุบัติขึ้นอีกครั้ง ด้วยศิลปการณ์พิเศษ
ในประเทศที่เทคโนโลยีถูกใช้อย่างไร้สาระและปัญหาสังคมในหลากมิติถูกบิดเบือน
หลอกลวง ซ่อนเร้นอย่างไร้สาระพอๆ กัน ความไร้สาระเหล่านี้จะถูกนำเสนอ
โดยศิลปินและนักออกแบบเพื่อสร้างเป็นปฐมบทสำหรับนักปฏิวัติวัฒนธรรมสื่อศิลปะ
ความคิดขบถ ความคิดแนว ความคิดวิ้ง วิ้ง ทั้งซีเรียส และหน่อมแน้ม ทั้งมีประโยชน์
และไร้ประโยชน์ ทั้งมีตัวตนและไร้ตัวตน ทั้งน่าสนใจและทั้งน่ารังเกียจจะถูกสำแดงร่วมกัน
ด้วยความรักและคิดถึงในหลากรูปแบบ ผ่านศิลปะ งานออกแบบ และสื่อสารสนเทศ
นิทรรศการป่วยคลั่งจะแพร่ระบาด อีกครั้ง กลางใจนครเชียงใหม่

หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ระหว่างวันที่ 5-6 ตุลาคม พ.ศ. 2553 | ตั้งแต่ 09:00 น. ถึงเที่ยงคืน


วิทยากร :

อนุสรณ์ ติปยานนท์ ( ม.ศิลปากร )
นรเศรษฐ์ ไวศยกุล ( ม.นเรศวร )
ปรัชญา พิณทอง ( Gallery Ver)
วรเทพ อรรคบุตร (ศิลปิน/นักวิจารณ์อิสระ)

ดำเนินรายการ : ทัศนัย เศรษฐเสรี


A grotesque festival and an eccentric manifesto again will be introduced
through a unique art scene in the country where technologies are used
senselessly; and social truths are canningly twisted, deceived, and concealed.
The non-sensencial will be revealed by artists and designers to create the
prologue for revolutionary media art based culturalists. The radical and H.I.P
versus the murky-shiny-fooly-brillian ideas; the serious versus the absurd
ideas; the beneficial versus the unfavorable ideas; the visible versus the
invisible ideas; and the stunning versus the disgusting ideas will be all
demonstrated with love, care and pondering about through arts, design,
and information media.

The opening of MAD epidemic festival again will take place at locations
in the inner heart of Chiang Mai City

CHIANGMAI UNIVERSITY ART CENTER
05-06 October 2010 | 09:00am till midnight

For more information: +66 53 944846

info@mediaartsdesign.org www.mediaartsdesign.org

Trailer : madiFESTO