สายฝนพร่ำที่หลั่งหลินลงบนพื้นถนน น้ำฝนที่เจิ่งนองเป็นย่อมๆ
แสงไฟสลัวที่ส่องแสงออกมาจากร้านค้าที่เรียงรายภายในซอย
ซอยเล็กๆนี้เองที่เป็นส่วนเติมเต็มให้กับชีวิตนักศึกษาบางส่วนในมหาวิทยาลัย
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีฉันอยู่ด้วย
ขณะที่ฉันนั่งอยู่ในร้านกาแฟ ร้านชายชบา โดยผู้คนรอบๆ
ข้างต่างก็พากันดำเนินกิจกรรมกันอยู่ บรรยากาศที่สับสนวุ่นวาย
ฉันค่อยๆ ลี่เสียงเหล่านั้นลง เพื่อจะเข้าสู่โลกส่วนตัวด้วยกลิ่นกาแฟหอมๆ
ที่โพยพุ่งออกมาจากแก้วกาแฟโบราณ ควันที่โชยขึ้นแสดงถึงอุณหภูมิภายในแก้ว
เสียงเพลง jazz ที่คลอมาตามสายลมที่แผ่วเบา อากาศเย็นๆ ชื่นๆ
จากฝนที่ตกลงมาพร่ำๆ ตรึงความคิดและจินตนาการของฉันให้หยุด
ณ บรรยากาศตรงนี้ ฉันนั่งอยู่ด้านหลังร้าน มองเหมอออกไปอย่างไร้จุดหมาย
แล้วฉันก็เริ่มปลดปล่อยความคิดและจินตนาการให้ล่องลอยอย่างอิสระ
ไม่นานนักภาพความทรงจำก็ได้ผุดออกมาเป็นระยะๆ
จากความคิดและจินตนาการ มิตรภาพระหว่างเพื่อน
มิตรภาพระหว่างพี่น้อง เกิดขึ้นที่นี้บ่อยครั้ง บ้างก็สุข บ้างก็เศร้า ปะปนกันไป
นึกถึงก็ทำให้ฉันอดยิ้มเสียไม่ได้
ฮืม.. กาแฟรสชาติดีจังวันนี้ ฉันพูดกับตัวเองเบาๆ
สายฝนเริ่มที่จะโปรยปรายหนักขึ้นทุกที ทำให้บรรยากาศที่เคยวุ่นวายนั้น
กลับค่อยๆเงียบลงจนได้ยินเสียงเพลงปนเสียงสายฝน
เสียงสายฝนที่ตกลงกระทบหลังคาสังกะสีเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง
โต๊ะหน้าร้านที่ถูกสายฝนสาดจนละอองน้ำรวมตัวกันเป็นหยดน้ำเล็กๆ
ต้นโมกดูสดใสและส่งกลิ่นหอมคลุกเคล้ากับกลิ่นไอดิน
ชั่งเป็นกลิ่นที่แปลกแต่ก็ลงตัวอย่างน่าฉงน
ยิ่งมองดูบรรยากาศรอบๆตัวแล้ว ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเหงาจับใจ
ฉันนั่งอยู่ที่ร้านนั้นอย่างคนไร้ที่ไป นั่งมองผู้คนที่เดินหลบสายฝน
บางคนก็ยืนมองสายฝนด้วยอาการรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
รอการหยุดของสายฝน แต่ในใจของผู้คนเหล่านั้น กำลังคิดอะไรอยู่
นั้นเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดาได้เลย
ตอนนี้ผู้คนในร้านชายชบาที่บางตานั้นเป็นภาพที่ลงตัวในองค์ประกอบ
ต่างคนต่างมีกิจกรรมทำที่แตกต่างกัน แต่ล้วนอยู่ในสถานะที่เหมือนกันคือ
ทุกคนต่างชื่นชอบกาแฟเช่นเดียวกัน อย่างน้อยในโลกใบใหญ่นี้
ก็ยังดีที่ยังมีพื้นที่เล็กๆ ให้กับกลุ่มคนน้อยๆ
ได้มารวมตัวกันทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ
สายฝนที่ตกลงมาหนักขึ้นทุกทีๆ จนกลบเสียงเพลง jazz
ที่คลออย่างแผ่วเบาหายไปกับเสียงสายฝนกระทบหลังคาสังกะสี
บรรยากาศนี้มันชั่งเป็นมีดที่กำลังกีดลงบนหัวใจฉันอย่างช้าๆ และทารุณ
ดั่งประโยคกินใจจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ว่า
"แผลที่ใหญ่ที่สุดในหัวใจคือ การมีตัวตนอยู่ ประโยคที่ออกมาจากใจ
กับการดำรงอยู่ของชีวิตแต่ละวัน ยิ่งบาดซ้ำรอยแผลให้ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น
ความเจ็บปวดรวดร้าว หัวใจที่ถูกบีบให้สลายครั้งแล้วครั้งเล่า
เสียงตะโกนกู่ก้องร้องออกมาว่า
พอแล้ว! พอแล้ว! ฉันไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว"
ข้อความนี้กลายมาเป็นสิ่งตอกย้ำความทรงจำอันแสนปวดร้าวและบาดลึกลง
ไปในเนื้อเยื้อชั้นล่างสุดของหัวใจที่เหี่ยวแห้ง
แล้วชีวิตที่ไร้สิ่งจูงใจจะอยู่ต่อไปเพื่ออะไรกัน
แต่ฉันก็ยังคงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อสิ่งที่เรียกว่า ความฝัน
ที่ยังเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจที่เหี่ยวแห้งของฉันอยู่และขับเคลื่อนหัวใจ
ร่างกายให้ดำเนินต่อไปในชีวิตประจำวัน
เรื่องและภาพ โดย cherishmoon
เป็นบทความที่เขียนไว้เมื่อหลายปีมาแล้ว
เพื่อระลึกถึงสถานที่ที่มีคุณค่าทางจิตใจ