วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ละเลมในความรู้สึก(ตัวเอง)

ทุกคนอยากเป็นสุข แต่การจะเป็นอย่างนั้นได้
แรกสุด เขาต้องเข้าใจว่า "ความสุข" คืออะไร

ฌอง-ฌาคส์ รูสโซ

เปิดด้วย คำกล่าวของ ฌอง-ฌาคส์ รูสโซ นักปรัชญาสังคมชาวสวิส
ความสุขคือการปลดปล่อยทุกส่ิง ละทิ้งอดีต ไม่คาดหวังในอนาคต
หยุดเพื่อเริ่ม มองตัวเอง เข้าใจตัวเอง เพราะความสุขเป็นโครงสร้างสังคม
เราต่างแสวงหามัน อย่างปกปิดหรือโดยเปิดเผย และเมื่อค้นพบ
ความสุขแล้ว หล่อเลี้ยงมันและคงมัน ไว้คือความต้องการพื้นฐานของชีวิต
ซึ่งถ้าปราศจากมันแล้ว ชีวิตจะอับเฉา โง่เขลา เหงาหงอย
และไร้ความหมาย ตามความเข้าใจและการตีความ

จากการเดินทางกลับบ้านในปลายเดือนสิงหาคมเป็นช่วงของฤดูฝน
ที่โปรยปราย ทุกอย่างชุ่มฉ่ำ ต้นไม้เขียวขจี จากเส้นทางเชียงใหม่
ปลายทางตะหานหิน ผ่านเส้นทางที่คุ้นเคย แต่ครั้งนี้ได้ต่างออกไป
จากทุกครั้งที่ผ่านมา บรรยากาศรอบๆ ที่ชุ่มฉ่ำจากเม็ดฝนที่โปรยปราย
ทำให้สิ่งแวดรอบริมข้างทางเผยชีวิตชีวาสดใสเป็นพิเศษ
หมอกลอยเอื่อยเรียบช่องเขา ใบไม้พลิ้วไหวยามต้องเม็ดฝน
ลมเย็นที่ผ่านช่องกระจก บทเพลงเนื้อหาและทำนองโดนใจ
แสงแสดยามเย็นช่วงตะวันลับขอบฟ้า ความสลัวบังเกิดเห็นจุด
ของแสงไฟประดิษฐ์ บ้างหยุดนิ่ง บ้างเคลื่อนไหวเป็นเส้นสาย
นั้นทำให้เกิดเป็นความสุขผ่านการละเลมบรรยากาศของโลก
หากมองสิ่งรอบตัวสักนิดก็จะพบว่ารายละเอียดของความสุข
แทรกแฝงตัวอยู่ในทุกสรรพสิ่ง


ขากลับในเช้าวันรุ่งขึ้น ผ่านการเดินทางโดยรถไฟ จากสถานีตะพานหิน
ไปสถานีเชียงใหม่ นั้นทำให้ตัวเองมีเวลาที่จะสังเกตุ คิด ทบทวน
เรื่องราวมากมาย ได้อ่านหนังสือจากรุ่นพี่
ที่ชื่อว่า “อิสระภาพเกิดขึ้นเมื่อคุณไม่รู้ (Freedom From The Known)"
โดย จ.กฤษณมูรติ


ได้มองธรรมชาติผ่านช่องหน้าต่างรถไฟ เห็นต้นไม้ สัตว์ คน เมือง สังคม
แล้วปล่อยใจไปกับตัวหนังสือและจินตนาการ ...

"ต้องใส่ใจอย่างเต็มที่ต่อโครงสร้างทั้งหมดของความสุขเพลิดเพลิน
มิใช้ตัดความสุขเพลิดเพลินออกไปอย่างที่พระหรือนักบวชกระทำ
แต่ต้องเป็นการมองเห็นความหมายและนัยทั้งหมดของความเพลิดเพลินนั้น
และคุณจะมีปีติสุขอย่างมากในชีวิต" จ.กฤษณมูรติ